g-torrent.ru
เอาจริงๆ เราก็ต้องใช้มันทั้งสองอย่างนั่นแหละครับ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเป้าหมายของเพจ เช่น ถ้าเพิ่งเปิดเพจใหม่ เราก็อาจจะต้องเน้นการสร้างฐานแฟนให้โตเร็วที่สุดก่อน จึงควรเลือกใช้ Like Ad เป็นโฟกัสแรก สำหรับเพจที่มีฐานแฟนมากระดับหนึ่งแล้วต้องการโปรโมทคอนเทนต์ โปรโมทสินค้าใหม่กับฐานแฟนเดิม ก็ใช้ Boost Post ไป ธุรกิจบางธุรกิจไม่เน้นให้คนมาตามไลค์ เช่นประกาศขายคอนโด อาจจะเน้น Boost เป็นหลักแทน (คนเราไม่ได้ซื้อคอนโดกันบ่อยๆ) ทั้งนี้ผมยังย้ำเสมอว่ามันไม่มีสูตรตายตัว ซึ่งเราก็สามารถเอามาพลิกแพลงใช้ได้ตามแต่ที่จะคิดกลยุทธ์ขึ้นมาต่างหาก แล้วทำไมเขา Boost แล้วแฟนเพิ่มกันเยอะ? เคสนี้ถ้าจะอธิบายแบบหลักจิตวิทยาง่ายๆ คือบางโพสต์นั้นถูก Boost ไป "โดนใจ" และทำให้คนที่อ่านรู้สึก "อยากติดตาม" จนกดไลค์เพจเพิ่ม แต่ทั้งนี้ก็ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ทุกคนที่อ่าน กดไลค์โพสต์ หรือกดแชร์จะกดไลค์เพจกันทุกคน ลูกค้าบางคนอาจจะสนใจแต่ซื้อครั้งเดียวโดยไม่ได้อยากกดไลค์ติดตาม อีกทั้งเคสแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเสมอไปด้วย มันมีปัจจัยหลายๆ อย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ถ้าใครใช้วิธีคิดแบบ Content Marketing ดีๆ ก็จะสามารถใช้จุดนี้สร้างโอกาสได้เยอะอยู่ เพราะถ้าทำคอนเทนต์ดีๆ อย่างต่อเนื่องก็จะมีเหตุผลให้คนอยากมาติดตามเพิ่มนั่นเอง
สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ที่อยากจะขายของผ่านเฟซบุ๊ค การบูสต์โพสต์เป็นจุดเริ่มต้นง่ายๆ ที่จะทำให้คุณมีโฆษณาไปแสดงยังลูกค้าที่ใช้งานเฟสบุ๊คอยู่ และยังสามารถใช้เพื่อเป็นการทดลองสินค้าในตลาดอีกด้วย ว่าจะมีคนสนใจสินค้าของคุณไหม ซึ่งคุณสามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ ด้วยเงินเพียง 35 บาทต่อวัน (ประมาณ 1 usd) ก็สามารถบูสต์ได้แล้ว!
ถ้าข้อความ xxxxx ขึ้นว่ายอดเยี่ยม แปลว่าเรากำหนดได้ตรงจุดแล้วล่ะ ลอง Boost แล้วรอดูผลลัพธ์ได้เลย 3. กำหนดงบประมาณที่ต้องการ Boost Post อย่างน้อยขั้นต่ำ 30 บาทต่อวัน 4. กำหนดระยะเวลาในการ Boost Post ขั้นต่ำอย่างน้อย 1 วัน 5. ตั้งค่าการชำระเงิน Boost Post ด้วยการเลือกวิธีชำระเงินด้วยบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต 6. กำหนดวันที่เรียกเก็บเงิน 7. กด'Promote'และรอการตรวจสอบโฆษณาจากทาง Facebook เป็นอันเสร็จสิ้น เห็นมั้ยว่า แค่ไม่กี่ขั้นตอนคุณก็ทำโฆษณาได้ด้วยตัวเองแล้ว แต่อย่าลืมว่าโฆษณาจะได้ผลดีเนื้อหาก็ต้องดีก่อนด้วยนะ Post Views: 1, 408
การเลือกจุดหมายปลายทางของโฆษณา ถึงแม้ว่าในการ Boost Post เราจะสามารถกำหนดได้ แต่ก็เป็นแค่การกำหนดปลายทางง่าย ๆ ที่มีแค่เพียงการเลือกให้แสดงผลผ่านหน้า Timeline ของ Instagram และ Facebook เท่านั้น ในขณะที่การทำ Facebook Ads เราจะระบุได้มากกว่า เช่น ความสามารถในการกำหนดให้โฆษณาไปแสดงผลที่ Instagram Stories หรือ อื่น ๆ เป็นต้น 2.
"Facebook Ads" คือ การลงโฆษณาออนไลน์บน Facebook ที่เราสามารถปรับแต่งได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่ง Facebook Ads ก็จะประกอบไปด้วยเเป้าหมายหลัก ๆ 3 ส่วนได้แก่ การรับรู้ (Awareness) การตัดสินใจ (Consideration) และ การกระทำที่เราต้องการ (Conversion) ซึ่งทั้ง 3 ส่วนก็สามารถปรับแต่งและแบ่งได้เป็นเป้าหมายย่อย ๆ ได้อีกอันประกอบไปด้วย 1. การรับรู้ (Awareness) 1. 1 การรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) คือ การเพิ่มการรับรู้ ให้แบรนด์ของเราเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น 1. 2 การเข้าถึง (Reach) คือ เป้าหมายในการแสดงโฆษณาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยจะแสดงให้เห็นแค่กลุ่มคนที่เรากำหนดไว้เป็นกลุ่มเป้าหมาย 2. การตัดสินใจ (Consideration) 2. 1 ยอดเข้าชมเว็บไซต์ (Traffic) คือ เป้าหมายในการเพิ่มยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ ที่เราได้ระบุ URL เอาไว้ เช่น บล็อก หรือ หน้าเว็บไซต์ขายสินค้า 2. 2 การมีส่วนร่วม (Engagement) คือ เป้าหมายในการเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ที่พบเห็นโฆษณา ซึ่งผลลัพธ์ส่วนใหญ่ที่ได้มาจะเป็น การกดไลก์ คอมเมนต์ แชร์ 2. 3 การติดตั้งแอปฯ (App Installation) คือ เป้าหมายในการเพิ่มยอดการติดตั้งแอปฟลิเคชั่น 2.
ดังนั้นการ Boost post จะช่วยให้มีคนเห็นโพสต์ของคุณเป็นจำนวนมากเพราะมันจะขึ้นไปใน News feed ของพวกเขา โดยปกติเราจะใช้การ Boosted posts เมื่อเราอยากได้การตอบรับจากผู้ชม เช่น likes, shares และ comments.
ไปที่เพจเฟซบุ๊กของคุณในแอปเฟซบุ๊ก หรือเว็บไซต์ m. 2. เลื่อนหาโพสต์ที่คุณต้องการจะบูสต์ แล้วกดบูสต์โพสต์ (Boost Post) 3. จะเจอหน้าจอพรีวิวตัวอย่างโฆษณา ให้คุณตรวจสอบก่อนว่านี่เป็นโพสต์ที่คุณอยากจะบูสต์หรือเปล่า และหน้าตาของโฆษณาเมื่อไปขึ้นที่หน้าจอคนอื่นจะเป็นแบบไหน ถ้าใช่ก็เลื่อนลงมาข้างล่างก่อน เพื่อตั้งค่าแคมเปญโฆษณา 4. ตั้งค่าโฆษณาของคุณเสียก่อน สำคัญมาก ห้ามพลาด ไม่งั้นจะเสียเงินฟรีๆ โดยสิ่งที่แตกต่างระหว่างการบูสต์โพสต์ผ่านมือถือกับบูสต์โผสผ่านหลังบ้านเฟสบุ๊กคือความละเอียดในการตั้งค่า บนมือถือก็จะง่าย มีอะไรให้ตั้งค่าได้ไม่เยอะ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ผลลัพธ์โฆษณาอาจไม่ดีเท่ากับการบูสต์หลังบ้าน ที่จะเซทได้ละเอียด เดี๋ยวการบูสต์หลังบ้านเราจะมาสอนอีกทีในภายหลัง 4. 1ตั้งค่าวัตถุประสงในการโฆษณา สำหรับมือถือจะมีให้เลือก 3 แบบคือ Automatic เฟซบุ๊กจะเลือกวัตถุประสงค์ให้เองด้วย AI ของเขา (ไม่ค่อยแนะนำ เพราะโฆษณาจะวิ่งไปค่อนข้างมั่ว เปลืองตังค์ Get more Website Visitors เหมาะสำหรับคนที่ต้องการส่งคนไปยังเว็บไซท์ของตัวเอง ร้านค้าใน Shopee Lazada หน้าร้านออนไลน์อื่นๆ หรือแม้แต่กระทั่ง YouTube Get More engagement เหมาะสำหรับคนที่อยากให้คนมากดไลค์หรือคอมเมนท์ในเพจเยอะๆ บนคอมพิวเตอร์หรือหลังบ้านจะมีวัตถุประสงค์อื่นๆให้เลือกเพิ่มเติมอีกเยอะมาก แต่สำหรับร้านค้าหน้าใหม่ 3 วัตถุประสงค์นี้ก็พอเพิ่มยอดขายให้คุณได้แล้วนะ!
เลือกวัตถุประสงค์บน Facebook ได้มากถึง 11 วัตถุประสงค์ ซึ่งแต่ละวัตถุประสงค์มีการทำงานที่แตกต่างกัน โดยสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมเช่น ต้องการคนเข้าเว็บไซต์ อาจจะเลือกใช้หมวด " การเข้าถึง " ซึ่งจะเน้น Impression หรือ การสร้าง Traffic เข้าเว็บเป็นต้น 2. สามารถทำ A/B test เพื่อทำนายแนวโน้มของโฆษณาได้ หากมีแนวโน้มไม่ดี สามารถปรับแก้ไขตัว ชิ้นงาน หรือ กลุ่มเป้าหมายได้ ก่อนที่จะเสียเงินทำโฆษณาผิดพลาด 3. เลือก รูปแบบโฆษณา ได้หลากหลาย ช่วยให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือและเพิ่มความสะดวกในการนำเสนอแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 4. เลือก ตำแหน่งจัดวางโฆษณาได้ อย่างเหมาะสม คุ้มค่า และได้ประสิทธิภาพสูงสุด 5.
แตกต่างกันตรงที่แบบ Facebook Ads จะมี Call To Action เป็นปุ่มที่สามารถตอบสนองกับผู้บริโภคได้ เช่น Shop now, Sign Up, Learn More หรือ Send Message 3. ถ้าอยากกระตุ้นให้คนได้รับข่าวสาร และแสดงการตอบรับ Post Engagement ก็ควรใช้เป็น Boost post นั่นเอง จากที่กล่าวมาโดยรวมแล้วมีประโยชน์ทั้งคู่ อยู่ที่กระบวนการทำงานของแต่ละคน ว่ามีวัตถุประสงค์ ต้องการทำเพื่ออะไร เพื่อเลือกใช้เครื่องมือให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ถ้าคุณกำลังมองหา Digital Agency ในการช่วยทำการตลาดออนไลน์ Ourgreenfish สามารถช่วยคุณได้ ทำไมถึงต้องใช้ Digital Agency ในการทำการตลาดออนไลน์ สามารถติดตามข่าวสารจาก Ourgreenfish ได้ที่ Facebook และ Twitter Aphikiat Techajarupun X Ourgrrenfish ติดตามสาระความรู้เกี่ยวกับ Digital Marketing และเทคโนโลยีได้ที่ Ourgreenfish Connect
Sitemap | g-torrent.ru, 2024