g-torrent.ru
5G ยุคที่มีการกำเนิดเทคโนโลยีที่เรียกว่า GPRS เป็นช่วงที่มีเทคโนโลยี GPRS (General Packet Radio Service) เกิดขึ้น ทำให้สามารถรับส่งข้อมูลได้มากกว่าแค่ข้อความ แต่เป็นการส่งภาพหรือข้อความในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้นหรือที่เรียกว่า MMS (Multimedia Messaging Service) หน้าจอเริ่มเป็นจอสี เสียงเรียกเข้าเริ่มพัฒนาเป็นแบบ MP3 และเริ่มเล่นอินเตอร์เน็ตบนมือถือได้ด้วยความเร็ว 115 kbps 2. 75G มีการพัฒนาจาก GPRS เป็น EDGE เพื่อก้าวเข้าสู่ยุค 3G เป็นยุคของ EDGE (Enhanced Data Rates for Global Evolution) ซึ่งพัฒนาต่อมาจาก GPRS ในยุค 2.
ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ. 2542 มาตรา 46 บัญญัติว่าในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อไดวาบัญชีลูกคาของสถาบันการเงิน เครื่องมือหรืออุปกรณในการสื่อสา่ร หรือเครื่องคอมพิวเตอรใดถูกใชหรืออาจถูกใชเพื่อประโยชนในการกระทําความผิดฐานฟอกเงินพนักงานเจ้าหนาที่ซึ่งเลขาธิการมอบหมายเปนหนังสือจะยื่นคําขอฝายเดียวตอศาลแพง เพื่อมีคําสั่งอนุญาตให พนักงานเจ้าหนาที่เขาถึงบัญชีขอมูลทางการสื่อสาร หรือขอมูลคอมพิวเตอรเพื่อใหไดมาซึ่งขอมูลดังกลาวนั้น ก็ได 4. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ. 25ุ60 ให้อำนาจกับพนักงานเจ้าหน้าที่ มาตรา 18.. (2) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์ หรือจากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง... (6) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด อันเป็นหลักฐานหรืออาจใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับ การกระทําความผิด หรือเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทําความผิดและสั่งให้บุคคลนั้นส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จําเป็นให้ด้วยก็ได้ 5.
เห็นตอนแรกถึงกับสะดุ้ง! ขนาดที่ผ่านมากฎหมายยังไม่อนุญาต แต่วิธีปฏิบัติที่เค้าปิดกันให้แซ่ด... ตำรวจก็ดักฟังโทรศัพท์กลุ่มผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหากันมานานแล้ว! แต่เพื่อเอาข้อมูลมาเป็นไกด์ในการสืบสวนสอบสวนว่า ต้องหาความเชื่อมโยงอะไร ตัวละครมีกี่ตัว หรือเข้าตรวจค้นที่ไหนถึงได้หลักฐานสำคัญมาใช้มัดตัวกลุ่มผู้ต้องหา แค่เอามาเป็นหลักฐานในศาลไม่ได้ เพราะมันผิดกฎหมาย... แต่ใช่ว่ากฎหมายอนุญาตให้ดักฟังโทรศัพท์ในประเทศไทยจะไม่มี มันมีให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ที่เป็นเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับ พ. ร. บ. คอมพิวเตอร์ 2550 ร่างแก้ไข ป. วิอาญาฯมาตรา 131/2 เรียกว่าทำมาให้ตำรวจโดยเฉพาะ ระบุว่า "กรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งการสืบสวนคดีความมั่นคงของรัฐ ความผิดที่มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม คดีที่มีความยุ่งยากสลับซับซ้อนที่มีโทษเกิน 10 ปี นายตำรวจระดับผู้บังคับการ (พล. ต. ) ยื่นคำร้องต่ออธิบดีผู้พิพากษา หรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาล เพื่อให้มีคำสั่งอนุญาตเข้าถึงและได้มาซึ่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือข้อมูลข่าวสาร เช่น การตรวจสอบหรือการดักรับข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลการติดต่อสื่อสาร หรือข้อมูลทางการเงินของบุคคลที่น่าจะเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดได้" คำอนุญาตของศาลจะอนุญาตเป็นคราวๆ คราวละไม่เกิน 15 วัน ไม่เกิน 4 คราว กรณีมีเหตุอันสมควรศาลอาจขยายระยะเวลาให้ได้ แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 90 วัน ยอมรับว่าในข้อกฎหมายมีการถ่วงดุลระหว่างตำรวจกับศาลอยู่... แต่ยังมีคนหนาวๆร้อนๆ ขยาดพฤติกรรมของตำรวจบางคนจะเอามาใช้พร่ำเพรื่อ สงสัยจะต้องมีคนติดคุกติดตะรางกันบ้าง?!?
ร่างพ. ร. ป. ช. ที่ระบุเพิ่มอำนาจให้คณะกรรมการป. สามารถดักฟังโทรศัพท์ได้และวันนี้ (21 ธ. ค)จะนำเข้าสู่ที่ที่ประชุม สนช. นั้น จากการตรวจสอบพบว่าก่อนหน้านี้มีกฎหมายจำนวน 10 ฉบับ และอีก 1 ร่างกฎหมาย ที่ให้อำนาจกับเจ้าพนักงานในการดักฟังโทรศัพท์และเข้าถึงข้อมูลของบุคคลอื่นได้ ดังนี้ 1. พ. บ. การสอบสวนคดีพิเศษ พ. ศ. 2547 มาตรา 25บัญญัติว่า ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า เอกสารหรือข้อมูลข่าวสารอื่นใดซึ่งส่งทางไปรษณีย์ โทรเลขโทรศัพท์โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ในการสื่อสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อทางเทคโนโลยีสารสนเทศใด ถูกใช้หรืออาจถูกใช้ เพื่อประโยชน์ในการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษพนักงานสอบสวนคดีพิเศษซึ่งได้รับอนุมัติจากอธิบดีเป็นหนังสือจะยื่นคำขอฝ่ายเดียวต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มาซึ่งข้อมูลข่าวสารดังกล่าวก็ได้ 2. ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้โทษ พ. 2519 มาตรา 14 จัตวา บัญญัติว่า ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า เอกสารหรือข้อมูลข่าวสารอื่นใดซึ่งส่งทางไปรษณีย์ โทรเลขโทรศัพท์โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องมือหรืออุปกรณ์ในการสื่อสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อทางเทคโนโลยีสารสนเทศใด ถูกใช้หรืออาจถูกใช้เพื่อประโยชน์ในการกระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเจ้าพนักงานซึ่งได้รับอนุมัติจากเลขาธิการเป็นหนังสือ จะยื่นคําขอฝ่ายเดียวต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาเพื่อมีคําสั่งอนุญาตให้เจ้าพนักงานได้มาซึ่งข้อมูลข่าวสาร ดังกล่าวได้ 3.
(Does the phone eavesdropping on us to sell our data to other companies? ) ถ้าเห็นโฆษณาขึ้นมาหลังจากหาข้อมูลบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันช้อปปิ้งออนไลน์ก็ยังพอเข้าใจได้ว่าโทรศัพท์อาจเก็บข้อมูลการใช้งานของเราเพื่อแสดงผลโฆษณาที่เกี่ยวข้องในภายหลัง แต่หลาย ๆ ครั้งเราก็มักพบเห็นโฆษณาของสิ่งที่เราได้พูดคุยกับเพื่อนไปว่ารู้สึกสนใจ หรือกำลังพิจารณาตัดสินใจซื้ออยู่ ปรากฏขึ้นมาบนหน้าฟีดทั้งที่ยังไม่เคยกด "ค้นหา" เลยแม้แต่ครั้งเดียวจนอดสงสัยไม่ได้ว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญหรือโทรศัพท์ของเราทำการ "ดักฟัง" สิ่งที่เราพูดและเอาไปขายต่อให้บริษัทอื่นกันแน่นะ? สำหรับคำถามข้อนี้ทาง Apple ก็ได้ออกมา "ยอมรับ" ว่าแอปพลิเคชันหรือบริษัท 3rd Party อื่น ๆ นั้นสามารถได้ยินบทสนทนาของผู้ใช้ได้จริงในช่วงเวลาที่ผู้ใช้เปิดใช้งาน Siri โทรศัพท์แอบฟังเราเพื่อเอาไปขายให้บริษัทโฆษณาหรือเปล่า?
(Is my phone listening to my conversations? ) โทรศัพท์สามารถจับคำพูดของผู้พูดได้หรือไม่? (Does the phone can catch words of the speaker or not? ) มาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนอาจจะงงว่าทำไมฟีเจอร์ที่ลุกล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อย่างการแอบดักฟังถึงเป็นฟีเจอร์ที่มีคนชอบ แต่ถ้าเราลองเปลี่ยนคำพูดจาก "ฟีเจอร์ดักฟัง" ไปเป็น "ฟีเจอร์การสั่งงานด้วยเสียง (Voice Assistant หรือ Voice Control) แล้วละก็ เชื่อว่าหลายคนก็น่าจะต้องเคยใช้งานและชื่นชอบในความสะดวกสบายของมันที่ช่วยให้เราสามารถตอบข้อความหรือโทรหาคนที่ต้องการผ่านการสั่งงานด้วยเสียงโดยไม่จำเป็นต้องแตะโทรศัพท์เลยแม้แต่นิดเดียว Voice Assistant ภาพจาก: โดยหลังจากที่ทางบริษัท Apple ได้เปิดตัว "Siri" เป็นครั้งแรกในปี ค. ศ. 2011 (พ.
Sitemap | g-torrent.ru, 2024